“น้องเมย์” เด็กหญิงยอดกตัญญูชาวกงไกรลาศ
ต้องช่วยพ่อเก็บขยะขาย
และดูแลแม่พิการ
มาตั้งแต่ยังแค่ 3 ขวบ
จนพ่อตายเมื่อ 3 ปีก่อน
ทำให้สองแม่ลูกกินอยู่สุดลำบาก
วอนคนใจบุญช่วยเหลือ
“พ่อแม่สอนมาตลอดชีวิตให้หนูรักในหลวง เพราะท่านเป็นคนดี
และให้เราพอใจในสิ่งที่มี แม้ลำบากแค่ไหนก็ต้องทนอย่าท้อ
และให้ตั้งใจเรียนจะได้มีอนาคตที่ดี
ซึ่งหนูไม่เคยลืม ไม่เคยท้อ ไม่เคยรู้สึกอายใคร
พบเด็กหญิงวัย 13 ชาวสุโขทัยสู้เลี้ยงแม่พิการนานถึง
10 ปี
เผยชีวิตต้องสู้! “น้องเมย์” เด็กหญิงยอดกตัญญูชาวกงไกรลาศ
ต้องช่วยพ่อเก็บขยะขาย
และดูแลแม่พิการมาตั้งแต่ยังแค่ 3 ขวบ
จนพ่อตายเมื่อ 3 ปีก่อน
ทำให้สองแม่ลูกกินอยู่สุดลำบาก
เพื่อนบ้านเผยเป็นเด็กเรียนดีเกรด
3.80
ฝันโตขึ้นอยากเป็นครู
วอนคนใจบุญช่วยเหลือ
วันนี้ (28 ต.ค.)
ผู้สื่อข่าวสุโขทัยโพสต์ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่บ้านเลขที่ 9809 หมู่ 1
(ตรงข้ามวัดท่าฉนวน)
ต.ท่าฉนวน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย
มีแม่พิการที่ป่วยหนักอาศัยอยู่กับลูกสาววัย
13 ปี
ฐานะยากจนและต้องการความช่วยเหลือ
จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านแต่ไม่พบมีใครอยู่
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามเพื่อนบ้านทราบว่า
แม่พิการคนดังกล่าวชื่อนางแพรวนภา สิงห์โต อายุ 46 ปี
ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาตท่อนล่างมานาน 13 ปี
ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านกับลูกสาวคนเดียวชื่อ
ด.ญ.พรทิพย์ หรือน้องเมย์ พ่วงเชียง
อายุ 13 ปี
เรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 1 โรงเรียนยางซ้ายพิทยาคม
ขณะนี้น้องเมย์ไม่อยู่บ้านเพราะต้องไปนอนเฝ้าแม่
ที่กำลังป่วยหนักจากอาการปอดติดเชื้อ
และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุโขทัยนานเกือบ
1 เดือนแล้ว
นางบุญสิตา ศรีนุช อายุ 42 ปี เพื่อนบ้านเปิดเผยว่า
นางแพรวนภาล้มป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
มาตั้งแต่คลอดน้องเมย์เมื่อ 13
ปีที่แล้ว
ทว่าตอนนั้นก็ยังมีสามีเขาคอยดูแลอยู่
จนน้องเมย์อายุได้ 3 ขวบ
ก็เริ่มฝึกทำงานบ้านช่วยพ่อและช่วยดูแลแม่
ต่อมาเมื่อต้นปี 53 พ่อของน้องเมย์เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
ตอนนั้นอายุได้ 73 ปีแล้ว
จึงทำให้น้องเมย์ต้องอยู่กับแม่เพียงลำพัง
โดยมีเพื่อนบ้านคอยช่วยเหลือบ้างเป็นครั้งคราว
“ที่ดินอาศัยปลูกบ้านอยู่ปัจจุบันเป็นที่ของวัด
ส่วนบ้านน้องเมย์นั้นได้เงินช่วยเหลือจากอบจ.สุโขทัย
รวมกับเงินเรี่ยไรของชาวบ้านช่วยกันสร้างให้
พ่อเขามีอาชีพรับจ้างทั่วไปและเก็บของเก่าขาย
หลังพ่อตายน้องเมย์กับแม่ลำบากมากตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ต้องอาศัยข้าวจากวัดบ้างจากโรงเรียนบ้าง”
นางบุญสิตา กล่าวอีกว่า
น้องเมย์เป็นเด็กดีมีความรับผิดชอบตั้งแต่ยังแค่ 3 ขวบ
และรักกตัญญูต่อพ่อแม่อย่างมาก
ตอนจบ ป. 6 สอบได้ที่
3 ของห้อง
ล่าสุดก็เรียนได้เกรดเฉลี่ยถึง
3.80 โดยเห็นชีวิตน้องเมย์มาตั้งแต่เกิด
เขาไม่เคยออกไปเที่ยวที่ไหนกับเพื่อนๆ
นอกจากอยู่กับแม่คอยดูแลไม่ห่าง
และเวลาว่างน้องเมย์ก็จะออกไปช่วยพ่อเดินเก็บขวดเก็บของเก่ามาขายตลอด
“ชีวิตประจำวันของน้องเมย์ตลอดเกือบ 10
ปีที่ผ่านมา
นอกจากเรียนหนังสือแล้ว
ยังต้องทำงานบ้านทุกอย่าง
และตื่นตี 5 หุงข้าว ทำกับข้าว ป้อนข้าว
อาบน้ำให้แม่ก่อนเตรียมตัวไปโรงเรียน
กลับจากโรงเรียนก็ต้องมาทำเหมือนเดิม
และที่น่าเห็นใจอย่างมากก็ตรงที่น้องต้องตื่นกลางดึกบ่อยๆ
มาช่วยพยุงแม่
ซึ่งพอนอนนานๆแล้วจะหายใจไม่ออก
แต่ก็นั่งนานไม่ได้อีกเพราะจะปวดตามตัวไปหมด
ทุกข์ทรมานทั้งแม่และลูก”
ทั้งนี้
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสุโขทัย
ก็พบน้องเมย์กำลังนั่งรอเฝ้าแม่อยู่ที่หน้าห้องผู้ป่วย
ซึ่งทางโรงพยาบาลให้เข้าเยี่ยมได้เป็นเวลาเท่านั้น
โดยเธอบอกว่ามาอยู่เฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลนานเกือบ
1 เดือนแล้ว
เพราะแม่ป่วยหนักต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว
หมอกำลังฝึกให้หายใจด้วยตัวเองก่อนจะอนุญาตให้กลับบ้านได้
น้องเมย์เด็กสาวยอดกตัญญู กล่าวว่า
ตั้งแต่มานอนเฝ้าแม่อยู่โรงพยาบาล
สองสามวันจึงจะกลับบ้านครั้งหนึ่งเพื่อเอาเสื้อผ้าไปซัก
และตอนแรกที่เห็นแม่ป่วยหนักก็ตั้งใจว่าจะขอครูหยุดพักการเรียนชั่วคราว
เพื่อมาดูแลแม่อย่างเต็มที่
เพราะเรียนเมื่อไหร่ก็เรียนได้
แต่เป็นห่วงแม่มากกว่าที่ไม่มีใครช่วยดูแลตอนไปโรงเรียน
“พ่อสั่งหนูว่าถ้าพ่อไม่อยู่แล้วอย่าเกเร
ให้ตั้งใจเรียนและอย่าทิ้งแม่
ต้องคอยดูแลแม่ให้ดี
เมื่อก่อนหนูเคยคิดว่าแม่ป่วยเป็นโรคนี้เพราะหนูเกิดมา
แต่แม่บอกว่าไม่ใช่มันคงเป็นเพราะกรรมเก่าของแม่
หนูรักพ่อแม่มากไม่อยากเสียแม่ไปอีกคน
อยากให้แม่อยู่เห็นหนูจนเรียนจบครู
ซึ่งเป็นความฝันของหนูและพ่อแม่ด้วย”
น้องเมย์กล่าวอย่างมุ่งมั่น
และว่า
“พ่อแม่สอนมาตลอดชีวิตให้หนูรักในหลวง เพราะท่านเป็นคนดี
และให้เราพอใจในสิ่งที่มี
แม้ลำบากแค่ไหนก็ต้องทนอย่าท้อ
และให้ตั้งใจเรียนจะได้มีอนาคตที่ดี
ซึ่งหนูไม่เคยลืม ไม่เคยท้อ ไม่เคยรู้สึกอายใคร
และดีใจที่เป็นลูกของพ่อแม่”
อย่างไรก็ตาม
น้องเมย์กับแม่ที่พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นั้น
ทุกวันนี้ยังคงอยู่อย่างยากลำบากมาตลอด
3 ปีหลังพ่อเสียชีวิต
เพราะมีรายได้เพียงแค่ 500 บาทต่อเดือนจากเงินช่วยคนพิการ
ขณะที่ของใช้ในบ้านรวมทั้งเสื้อผ้าอื่นๆ
และโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าๆ
ก็ล้วนได้รับบริจาคมาจากเพื่อนบ้านทั้งสิ้น
จึงขอวิงวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
เด็กหญิงยอดกตัญญูชาวสุโขทัยรายนี้
โดยโอนเงินได้ทางธนาคารออมสิน
สาขากงไกรลาศ
ชื่อบัญชี ด.ญ.พรทิพย์ พ่วงเชียง
ประเภทเผื่อเรียก บัญชีเลขที่ 020082159003
หรือสอบถามพูดคุยกับน้องเมย์ได้ที่โทรศัพท์หมายเลข
084-622-7208
หลังจากออกข่าวไม่กี่วัน......
ธารน้ำใจคนไทยหลั่งไหลช่วยเด็กหญิงกตัญญูชาวสุโขทัย
ดูแลแม่อัมพาตมานาน 10 ปี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
|
|
แต่ล่าสุด “น้องเมย์” ต้องขอหยุดเรียนอีก 7
วันเฝ้าแม่ที่ รพ.สุโขทัย
ทั้งที่เพิ่งเปิดเทอมใหม่
วอนย้ายแม่ไปโรงพยาบาลใกล้บ้านแทน
วันนี้ (4 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี ด.ญ.พรทิพย์ พ่วงเชียง หรือ
น้องเมย์ อายุ 13 ปี
นักเรียนชั้น ม.1 ลูกกตัญญูที่เลี้ยงดูแม่อัมพาตมานาน
10 ปี
ซึ่งปัจจุบันยังคงต้องนอนเฝ้าดูแลแม่ที่ป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลสุโขทัยว่า
หลังมีการนำเสนอข่าวเรื่องราวชีวิตของน้องเมย์
ก็ได้มีผู้ใจบุญจากกรุงเทพฯ
และหลายจังหวัดโทรศัพท์
เข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ
พร้อมโอนเงินช่วยเหลือน้องเมย์ด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
จ.สุโขทัย
ได้นำเงินสดพร้อมสิ่งของจำเป็นมาช่วยเหลือเบื้องต้น
นอกจากนี้ยังมีผู้จัดการ
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุโขทัย มาเยี่ยมเยียน
โดยบอกว่า นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และนายกกรรมการ
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ฝากถามมาว่าจะให้ช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
น้องเมย์ เด็กหญิงกตัญญูชาวสุโขทัย กล่าวว่า
ขอกราบขอบพระคุณผู้ใจบุญทุกท่านที่ให้ความเมตตาช่วยเหลือตนและแม่
สำหรับเงินที่บริจาคให้มานั้นจะใช้เป็นทุนเรียนหนังสือและดูแลรักษาแม่ที่ป่วยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า
ตอนนี้โรงเรียนของน้องเมย์เปิดเทอมแล้ว
แต่น้องเมย์ได้ขอลาหยุดยาว
7 วันเพื่อมาอยู่เฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลสุโขทัย
ทำให้เพื่อนบ้านเป็นห่วงน้องเมย์กันมาก
จึงอยากขอให้เร่งย้ายแม่น้องเมย์มาอยู่ที่โรงพยาบาลกงไกรลาศ
เพราะใกล้บ้านเดินทางสะดวกกว่า
และเพื่อนบ้านจะได้ช่วยกันดูแลได้บ้าง
เพื่อให้น้องเมย์ได้ไปเรียนหนังสือด้วย
ทั้งนี้
ผู้ใจบุญสามารถโอนเงินช่วยเหลือน้องเมย์ได้ที่
ธนาคารออมสิน
สาขากงไกรลาศ
ชื่อบัญชี ด.ญ.พรทิพย์
พ่วงเชียง ประเภทเผื่อเรียก บัญชีเลขที่ 020082159003
หรือสอบถามน้องเมย์
ได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 08-4622-7208
.....สังคมเรา....ยังมีคนใจบุญที่จะกล้ายื่นมือช่วยเหลือ...
ไม่เพียงสงสารแล้วมองเฉยๆ......
.........หากเราร่วมด้วยช่วยกัน...
สังคมไทยเรา....
............จะไม่ทิ้งกัน............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น